สำหรับคนไทย บรรพชนได้นำหลายๆ ส่วนของ
"มะขามป้อม"มาใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้านอาทิ
นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรค เป็นน้ำผลไม้แก้กระหาย
เป็นขนมหวานรสอร่อยปัจจุบันนี้ "มะขามป้อม" ยังคงทำหน้าที่ของไม้ผลยืนต้นที่ให้ร่มเงาและความชุ่มชื้น
รวมถึงเป็นอาหารและยารักษาสรรพโรคให้กับมวลมนุษย์มาทำความรู้จักมะขามป้อม "แบบเจาะลึกกันดีกว่า"
ชื่อของมะขามป้อม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica Linn.
ชื่อวงศ์ : Euphorbiaceae
ชื่อสกุลไม้มะขามป้อม : Phyllanthus
L.
ชื่อสามัญ : Emuc
myrabolam, Malacca tree
ชื่อพื้นเมือง : มะขามป้อม(ทั่วไป)
กันโตด(เขมร-กาญจนบุรี)
กำทวด(ราชบุรี)มั่งลู่,สันยาส่า(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
กันโตด(เขมร-กาญจนบุรี)
กำทวด(ราชบุรี)มั่งลู่,สันยาส่า(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ถิ่นกำเนิดของมะขามป้อม
มะขามป้อมเป็นพืชท้องถิ่นที่มีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติอย่างกว้างขวางตั้งแต่บริเวณประเทศ เนปาล อินเดีย ศรีลังกา มาจนถึงประเทศในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และขึ้นไปจนถึงประเทศจีนตอนใต้ นอกจากนี้ยังมีการปลูกเป็นการค้าในประเทศจีน อินเดีย,มอริเซียส หมู่เกาะอินเดียตะวันตก ญี่ปุ่นและมาดากัสการ์ คำว่า “emblica” อาจจะมาจากคำว่า “amlah” ในภาษาเปอร์เซียหรือคำว่า “ambaliji” ในภาษาอาริบิก ตามธรรมชาติจะพบมะขามป้อมบริเวณป่าเบญจพรรณแล้ว ป่าละเมาะหรือตามป่าชุมชน(Villagegrove)เป็นพืชที่ตอบสนองต่อช่วงแสงคือ
ดอกดอกเมื่อมีความยาวช่วงวัน (day length) 12 ถึง 13.5
ชั่วโมง สามารถพบมะขามป้อมตามธรรมชาติได้ในบริเวณพื้นที่ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลไปจนถึงพื้นที่สูงถึง
1,500 เมตร มะขามป้อมจัดเป็นพืชเขตกึ่งร้อน (subtropical)มากกว่าที่จะเป็นพืชเขตร้อนไม่ค่อยพบต้นมะขามป้อมที่โตเต็มที่ตามธรรมชาติซึ่งอาจเนื่องจากการเป็นไม้ยืนต้นที่เจริญเติบโตช้า และยังถูกตัดต้นไปใช้ประโยชน์อยู่เสมอ
แหล่งที่มา : http://www.doctor.or.th/article/detail/1901
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น